เท้าความก่อนว่าที่มาเล่า มันเกิดจากการที่เราเห็นใครหลายๆ คนสมัครค่ายพวกนี้เพราะอาจจะอยากเห็น insight คณะนั้นๆ แบบลึกขึ้นแล้วไม่ติด รู้สึกเฟล รู้สึกว่าตัวเองอาจไม่คู่ควรกับคณะนั้น (รู้สึกฟีลประมาณว่าค่ายเขายังไม่เลือกเลย แล้วเราจะเหมาะสมกับคณะนี้จริงเหรอ)

และจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง เราเคยสมัครค่ายอยากเป็นหมอของจุฬาแล้วไม่ติด ก็เลยทักไปถามค่ายโดยตรงเลย55555 เขาก็ตอบว่ามีเกณฑ์การคัด การให้คะแนนอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงรู้สึกตะหงิดอยู่ดีว่าคัดกันยังไง ข้อสอบคัดเป็นข้อสอบเขียนที่ถามความเห็นคนสมัครนี่นับเป็นคะแนนได้ด้วยรึ มี bias ไหม?

นี่เลยเป็นที่มาของการที่เราสมัครเป็นคนตรวจข้อสอบคัดน้องเข้าค่าย Med camp ค่ะ และก็รู้สึกกระจ่าง เลยอยากเอามาเล่า

จุดประสงค์ของการเล่านี้คือการไขข้อกระจ่างและเคลียร์ความเชื่อแบบผิดๆ ที่ผ่านมาเท่านั้น แต่จะไม่ได้เป็นการมาบอกเทคนิคว่าตอบยังไงถึงจะติดค่าย เพราะมันแล้วแต่ข้อสอบและแล้วแต่ปีนั้นจริงๆ บอกได้ยาก และไม่จำเป็นต้องเชื่อทั้งหมด เพราะบางอย่างก็วิเคราะห์จากความเห็นส่วนตัวเรา

✨ ค่ายอยากเป็นหมอ / medcamp คืออะไร แล้วมันต่างจาก open house ตรงไหน มันคือค่ายสำหรับคนที่อยากรู้เกี่ยวกับคณะนั้นแบบ insight ยิ่งกว่า openhouse อ่ะ ทั้งด้านข้อมูล ด้านบรรยากาศข้างใน มันจะมีฟีลลิ่งยิ่งกว่าการมา openhouse ธรรมดางี้

✨ แล้วค่ายพวกนี้มันต่างจาก open house ตรงไหน ในกรณีคณะแพทย์ openhouse อาจจะแค่แบบแนะนำหลักสูตร บอกจุดเด่นคณะ ดูบรรยากาศรอบๆ แต่ถ้าเป็นแนว medcamp มันจะลึกกว่านั้น พาเข้าในที่ๆ คนทั่วไปเข้าไม่ได้ มีวนฐานเกี่ยวกับแพทย์ เช่น CPR, แลปกริ๊ง, ส่องกล้อง อะไรแบบนี้

✨ แล้วทำไมไม่ให้เข้าทุกคนไปเลยหล่ะ จะจำกัดคนทำไม เราเดาว่าน่าจะเป็นเพราะสถานที่และอุปกรณ์ที่มีจำกัด และมันเป็นค่ายที่ต้องใช้อุปกรณ์ของคณะ เลยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มด้วย และอย่างค่ายที่พวกเราจัดมันเป็นค่ายปิดแบบกินนอนด้วยอ่ะ และก็ถ้าคนไม่เยอะมากพี่ๆ ก็คุมง่ายด้วย

✨ แล้วทำไมต้องจำกัดระดับชั้นว่าต้องเป็น ม.ปลาย เท่านั้นหล่ะ เพราะหลายค่ายก็มีการขอ ปพ.7 เราไม่รู้ค่ะอันนี้555555 (ใครรู้ตอบได้) เดาว่ามันคงเป็นช่วงความห่างอายุที่คิดว่าโอเคมั้ง ม.ต้น ก็อาจจะเด็กเกินไรงี้ ถ้าเป็นเด็กซิ่วก็อาจจะอายุเยอะไปในมุมคนจัด

✨ กลับมาที่ข้อสอบ ค่ายคัดน้องยังไง แล้วทำไมต้องคัดแบบนี้ ข้อสอบคัดเข้าค่ายมันจะมี 2 ส่วนคับ 🌈 1. วิชาการ + ความรู้รอบตัว : ก็จะเป็นพวกคณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ม.ปลาย และพวกเนื้อหาแพทย์นิดๆ และถามว่ารู้เกี่ยวกับคณะนั้นมากแค่ไหน เช่น วิชานี้เรียนไหน คณะก่อตั้งเมื่อปีอะไร บลาๆ

ซึ่งข้อสอบส่วนนี่มักเป็นปรนัยและมีคำตอบที่ถูกเพียงหนึ่งเดียว น้องน่าจะสงสัยว่า ก็เราสมัครค่ายเพื่ออยากรู้เกี่ยวกับคณะนั้นมากขึ้นป่ะ ก็ควรเอาคนที่ไม่รู้เรื่องจริงๆ หรือตอบถูกน้อยๆ ให้มีสิทธิ์เข้าค่ายไหม ไม่ใช่เอาคนที่รู้คณะนั้นอยู่แล้วมาเข้าค่าย ใช่ค่ะ พี่เคยคิดแบบนั้น

แต่ในความจริงแล้ว ในมุมของคนเป็นรุ่นพี่ ไม่ได้คิดลึกอะไรปานนั้นหรอก และรุ่นพี่ก็ต้องทำกิจกรรมคณะและเรียนให้มันรอดคู่กันด้วย ข้อสอบส่วนแรกนี่แหละ คือตัวที่ลด workload คนตรวจลง ถ้าน้องทำไม่ผ่าน ได้น้อย น้องอาจโดนปัดตกไปเลยตั้งแต่แรก (รวมถึงคนที่ ปพ.7 เอกสารไม่ผ่าน ก็โดนคัดออกด้วย)

เพราะฉะนั้น ถ้าน้องอยากเข้าค่ายพวกนี้ ไม่ว่าจะมหาลัยหรือคณะไหนก็ตาม พาร์ทนี้ควรตั้งใจทำนะ แต่ถ้าน้องไม่ซีเรียสก็ไม่ต้องก็ได้ และก็ ข้อสอบพวกนี้มันไม่ได้จับเวลา น้องเสร็จตอนไหนก็ส่ง ภายในระยะเวลารับสมัคร มันก็เลยเป็นตัวบอกความพยายามของน้องในการตอบให้ถูกเพื่อที่จะได้เข้าค่ายให้ได้

พอตรวจส่วนแรกปุ๊บ ก็จะเหลือ survivor ที่ผ่านเกณฑ์ หลังจากนี้ก็จะเป็นการตรวจข้อสอบอัตนัยค่ะ ซึ่งจะเป็นข้อสอบส่วนที่ 2 ซึ่งเป็นส่วนที่เราได้ตรวจค่ะ 🤩🤩

🌈 2. คำถามวัดทัศนคติ : เป็นคำถามปลายเปิดที่ถามความเห็นคนสมัคร ซึ่งคำถามมันจะออกแนวๆ คล้ายๆ ข้อสอบจริยธรรมแพทย์อ่ะ (เช่น สถานการณ์แบบนี้ จะเลือกช่วยใครก่อน, คาดหวังอะไรจาก medcamp บลาๆ) แต่น้องต้องบรรยายมันออกมาว่าคิดยังไง เหตุผลคืออะไร

เกณฑ์อัตนัยจะต่างกันในแต่ละข้อ และเป็นเกณฑ์ “unseen” ก็คือเป็นเกณฑ์ภายในค่ายที่ตั้งกันเองเพื่อตรวจข้อสอบข้อนั้นๆ ซึ่งด้วยความที่มัน unseen นี่แหละ มันเลยคัดน้องได้ เพราะน้องไม่รู้ว่าต้องตอบยังไงถึงพิชิตคะแนน น้องก็เลยต้องตอบมาตามที่ตัวเองคิด เพราะโจทย์แค่ถามความเห็นเฉยๆ เลย

🌟 แล้วเขาจะตรวจยังไง ความเห็นไหนโดนใจก็เลือกงี้เหรอ พี่ๆ ที่ได้ตรวจจะได้เกณฑ์สำเร็จรูปที่ฝ่ายบนๆ เขาให้มาอีกทีคับ และก็จะมอบหมายว่าพี่คนนี้ตรวจใครบ้าง จะไม่ได้ดูที่ความโดนใจ แต่จะดูว่าที่น้องตอบ มีองค์ประกอบครบไหมตามเกณฑ์ เพราะก็มีคนที่ตอบโดนใจแต่ไม่ครบประเด็น คะแนนก็จะลด

อย่างเช่นถ้าตอบไม่ตรงคำถาม / ไม่ตอบ ก็จะได้ 0 เลยคับ ไม่ว่ายาวแค่ไหน หรือถ้าเป็นโจทย์เกี่ยวกับการจัดการ ปห ใน รพ ก็จะดูว่าตอบครบไหม ทั้งการเห็นอกเห็นใจ การบอกปัญหา การแก้ปัญหา **ถ้ายิ่งตอบครอบคลุม คะแนนก็จะเยอะ** บางข้อมีคะแนนพิเศษเพิ่มด้วยถ้ามีคำ keyword เช่น prioritize ไรงี้

หรือในบางข้อก็จะดูความชัดเจนค่ะว่าชัดแค่ไหน ชัดมากได้มาก ชัดน้อยได้น้อย แยกได้ไหม ข้อดีข้อเสีย เหตุผลประกอบชัดเจนไหม แต่ไม่ได้สนว่าน้องจะคิดยังไง ถูกหรือผิด bias จึงไม่มีแน่ๆ คับ และตอนที่เราตรวจ เรากไม่ได้รู้จักใครเลยนะ ก็ตรวจๆ ไปตามเกณฑ์อ่ะ

หรือถ้าเป็นคำถามเกี่ยวกับค่าย ก็ดูว่าแจกแจงได้ไหมว่าได้อะไรจากค่าย จะเอาไปใช้ประโยชน์ยังไง เขียนให้พี่เห็นภาพการนำไปใช้ประโยชน์ได้ไหม บลาๆ ไม่ได้สนว่าน้องจะอวยยศแค่ไหน (ข้อสอบอัตนัยไม่ค่อยสนความรู้สึกนะคะ ถ้าอยากติดก็แนะนำได้แค่ว่าตอบให้ครอบคลุม ชัดเจนค่ะ แต่ละปีก็ต่างกัน)

พอตรวจน้องทุกข้อก็เอาคะแนนส่วนอัตนัยมารวมกันแล้วเรียง rank ตามคะแนน เอากี่คนก็เลือกจากคนที่ได้มาก ก็เป็นอันเสร็จ

หวังว่าการมาเล่าครั้งนี้จะทำให้ทุกคนเห็นภาพและเคลียร์ข้อสงสัยนะคะ และจริงๆ มันมีเหตุผลอยู่ว่าทำไมค่ายพวกนี้ตัดสินอนาคตน้องไม่ได้ เพราะ - เกณฑ์แค่มีไว้จำกัดจำนวนคนเข้าค่ายเฉยๆ และไม่ได้เป็นสรณะ คนที่ตอบแล้วได้คะแนนน้อยหลายคนก็มีทัศนคติที่ดีและ realistic

- คนที่จัดค่ายพวกนี้เป็นแค่พี่ปี 1 ที่ยังต้องเอาชีวิตรอดอีก 5-6 ปี ไม่ได้วิเศษวิโสมาจากไหน ตรวจก็ตรวจตามเกณฑ์ พี่ 1 คนตรวจน้องหลายคน บางคนก็ตรวจแบบรีบๆ และการตีความเกณฑ์เทียบกับคำตอบของพี่แต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีก จึงไม่สามารถเอาข้อสอบพวกนี้มาบอกว่าคณะนี้ไม่เหมาะกับน้องได้ค่ะ

สรุป : การจะเหมาะหรือไม่เหมาะกับคณะไหนก็ตาม ไม่ได้อยู่ที่การเข้าค่ายอยากเป็นคณะนั้น แต่อยู่ที่ว่าน้องสามารถทำคะแนนให้ติดคณะนั้น และเรียนให้จบ ประกอบอาชีพได้หรือไม่ ;) และถ้าน้องรู้และศึกษาอยู่แล้วว่าคณะที่น้องอยากเข้าเป็นยังไง สุดที่ตรงไหน ค่ายพวกนี้ก็ไม่ได้จำเป็นสำหรับน้องค่ะ

แต่ค่ายพวกนี้ข้อดีก็คือมันทำให้น้องได้ซึมซับบรรยากาศและทำให้น้องรู้สึกเป็นส่วนนึงของคณะนั้น และได้รู้เกี่ยวกับคณะนั้นมากขึ้น และโอกาสใกล้ชิด สนิทกับรุ่นพี่ก็จะมากขึ้นด้วยคับ ☁️ ก็ลองคิดดูเอาค่ะ เราก็หวังว่าเธรดนี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะ 💥 ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ 💥